วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คณะสิงโต

ครั้งโบราณ สมัยแผ่นดินจีนได้เกิดภัยพิบัติ ฟ้าฝนก็แห้งแล้งติดต่อกันนาน กันดารไปทุกหย่อมหญ้า ข้าวยากหมากแพง ไปทั่วทุกหัวระแหง พระเจ้าแผ่นดินจีนจึง มีพระบัญชาให้โหรหลวงตรวจชะตาเมือง ว่ามีหนทางแก้ไขได้หรือไม่ ? โหรหลวงได้ทูลหนทางแก้ไข พอยังมีอยู่ โดยให้ไปจับเจ้าสิงโต ที่ชมภูทวีปมาแห่แหน ไปทั่วทุกมุมเมือง ในสมัยนั้นจึงให้ทหารออกป่าวประกาศ หาผู้มาแก้ไข ภัยพิบัติทั้งปวง ความทุกข์ร้อนทั้งหลาย เมื่อทราบไปถึง เง็กเซียนฮ่องเต้ อยู่บนสวรรค์ จึงส่งซาเซียน (เซียนที่สาม)ลงมาตามจับเจ้าสิงโตตามโหรหลวงบอกในมือถือหญ้าเล่งจือเช่าซึ่งเป็น
ยาอายุวัฒนะกับพัดเจ้าแม่กวนอิม

จากนั้นฟ้าฝนก็ตกถูกต้องตามฤดูกาล ข้าวปลาอาหารกลับคืนอุดมสมบูรณ์เช่นแต่ก่อน ราษฎรก็อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากโรคภัยเบียดเบียนอีกต่อไป เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงาม
ความดีของเจ้าสิงโต ในการเข้ามาปราบภัยพิบัติของบ้านเมืองครั้งนั้น ฮ่องเต้จึงมีรับสั่ง
ให้ช่างหลวงประดิษฐ์หัวสิงโตขึ้น โดยให้เหล่าทหารนำออกแสดงในงานเทศกาลและ
งานมงคลต่างๆ ตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบัน และเป็นการปัดเป่าความไม่ดี ไม่งาม ทั้งหลาย
ทั้งปวง ให้กลับมีความเป็นมงคลแทน ประวัติของสิงโตทองนั้น ถ้าเชิญไปแสดงที่ไหน
คงหมายถึงความ อุดมสมบูรณ์ พูนสุข
อีกประการหนึ่งมีความเชื่อกันว่า เทพเจ้าผู้รักษาหัวสิงโต หน้าเขียว คิ้วขาว มักมี
อาถรรณ์แรงและดุร้ายมาก ด้วยเหตุนี้ คนจีนจึงมีการแบ่งประเภทของสิงโตออกไป
มากมาย ซึ่งต้นตำหรับเดิมของจีนแท้ๆ มีอยู่เพียง 4 ประเภท เท่านั้น คือ
1. สิงโตหัวเขียว หนวดดำ เรียกว่า ตั่วกง อันหมายถึง เล่าปี่ พี่ใหญ่ในตัวละครเรื่อง สามก๊ก ใช้แทนผู้มีอำนาจ ทนงในศักดิ์ศรี ล้อมรอบด้วยข้าทาสบริวารมากมาย

2. สิงโตหัวสีแดง หนวดดำ เรียกว่า ยี่กง อันหมายถึง กวนอู น้องสองในละครเรื่อง สามก๊ก ใช้แทนสัญญลักษณ์ผู้ซื่อสัตย์ กล้าหาญ นักต่อสู้ และนำโชคลาภ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ประวัติคณะสิงโต

ประวัติคณะสิงโต มังกรลูกพ่อปู่เทพาดำทุ่งคราฟ
« เมื่อ: สิงหาคม 28, 2009, 06:53:05 pm » 
--------------------------------------------------------------------------------
ประวัติคณะลูกพ่อปู่เทพาดำทุ่ง
ก่อตั้งคณะเมื่อปีพ.ศ.2540 เริ่มด้วยมีหัวสิงโต รวบรวมเด็กในชุมชนในเขตสาทรมาเล่น อยู่ในสังกัดของทีมงาน ท๊อปไลน์ มิวสิก โดยการนำของเจ้านายห้าง ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม เป็นผู้อุปถัมภ์ จากนั้นได้ขยับขยายจากเพียงแค่เล่นสิงโตเพียงอย่างเดียวได้เพิ่มขึ้นมาเล่นมังกรทองหรือมังกรพันเสาโดยส่วนหัวของมังกรนั้นได้สั่งทำโดยพิเศษ คือขนาดของหัวมังกรจะใหญ่มากเป็นพิเศษหรือเทียบได้ว่าเป็นหัวมังกรที่ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ ตัวมังกรรวมทั้งส่วนหัวและส่วนตัวแล้วจะยาวประมาณ 30เมตรโดยไม้ที่ใช้เล่นมังกรนั้นมีำนวน 12 ไม้ด้วยกัน ส่วนทางด้านของเสามังกร ได้สั่งทำโดยพิเศษ คือจะมีความสูง12 เมตร จากพื้น หรือเทียบเท่ากับตึก 4ชั้น ทั้งหมดแล้วเสร็จสมบูรณ์ เมื่อปี พ.ศ.2549 จากนั้น ได้มีการออกงานมงคลต่างๆ โดยจะมีการเชิดสิงโตและการเชิดมังกรควบคู่ไปด้วย ส่วนรูปแบบของการแสดงของคณะลูกพ่อปู่เทพาดำทุ่งจัดได้ว่าเป็นงานที่ต้องใช้ศาสตร์และศิลปะในการแสดงค่อนข้างสูงกลุ่มคนที่มีโอกาศได้
คลุกคลีกับการแสดงของคณะสิงโตตั้งแต่เด็กและประกอบอาชีพแสดงสิงโตเป็นหลักและสืบทอดต่อๆกันมา ลักษณะการทำงานของคณะจะใช้
รูปแบบการทำงานเป็นทีมแบ่งออกเป็นฝ่ายการแสดง ฝ่ายอุปกรณ์ ฝ่ายมโหรี และฝ่ายช่างไฟฟ้า ซึ่งก่อนการแสดงทุกครั้งจะต้องมีการฝึกซ้อมก่อน

ทุกครั้ง
โดยจะมีการแสดงพลิ้วไหวดูสวยงามและป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้เพราะบางครั้งอาจเป็นการแสดงที่หวาดเสียว ผาดโผน ดุดัน หรือหวือหวา ส่วนทางด้านการเชิดมังกรทองจะเป็นแบบพลิ้วไหวสวยงามเป็นธรรมชาติโดยจะมีการเล่นท่าต่างๆอาทิ มังกรลอดหัว ลอดหาง ลอดตัว มังกรวัคน้ำ ต่อตัวล่อลูกแก้ว ท่าพวกนี้คือท่าพื้นฐานอย่างย่อๆ



 

ส่วนทางด้านการแสดงมังกรพันเสา จะเป็นการแสดงแบบหวาดเสียว คือตัวมังกรจะขึ้น พันเสาอยู่ด้านบน ส่วนที่น่าหวาดเสียวคือ จะมีกระบอกไม้ไผ่อยู่หนึ่งอันซึ่งจะตั้งขนานกับเสามังกรโดยจะมีคนถือลูกแก้วล่อมังกร
อยู่บนปลายกระบอกไม้ไผ่ ส่วนการแสดงนั้นจะใช้วิธีโย้กระบอกไม่ไผ่ไปมาเพื่อสู้กับมังกร และเล่นพลุเป็นต้น





ส่วนหัวหน้าคณะคือนายรุ่งโรจน์ หรือกานต์ จันทมนัส วัย32ปี เจ้าของคณะสิงโต และมังกรทอง ลูกพ่อปู่เทพาดำทุ่ง เล่าว่ามาถึงวันนี้ผมทำงานเป็นคนเชิดสิงโตและมังกรทองมาแล้ว12ปีเพราะชอบตั้งแต่เด็ก
ที่สำคัญการทำงานตรงนี้ผมถือว่าได้สร้างอาชีพให้กับเด็กวัยรุ่นในชุมชน ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์



ลงหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ฉบับที่ 20,169 วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2548